หน้าเว็บ

My Favorite

ดอกไม้และต้นไม้ที่ฉันชื่นชอบและหลงใหลมัน...

ฉันเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลความงามของดอกไม้ และก็คิดว่าผู้หญิงเกือบทุกคนก็คงไม่ต่างไปจากฉัน หรือแม้แต่ผู้ชายก็เช่นกัน ธรรมชาติอันสวยสดงดงามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมาให้.. ใครเลยจะปฏิเสธได้ สรรพสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยประโยชน์แก่มวลมนุษย์ทั้งสิ้น นั่นคือความเมตตาจากพระผู้สร้าง (Subhan Allah  มหาบริสุทธิ์ยิ่ง ขอมอบแด่อัลลอฮ์)  ความสวยงามของดอกไม้ที่พระองค์สร้างสรรค์ด้วยความวิจิตรบรรจง ด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์เอง จะมีจิตรกรใดในหล้าโลกที่จะสามารถแต่งแต้มความงดงามบนผืนโลกใบนี้ได้ดั่งการสร้างของพระองค์ ทั้งต้นไม้และดอกไม้ที่หลากสี นานาพันธุ์ มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของมนุษย์เท่านั้น แต่มันได้เชิญชวนให้หมู่ผึ้งภุมรินมาดอมดมผสมเกสร  ทั้งนี้ เพื่อการสืบพันธุ์และดำรงอยู่ต่อไปของพืชพันธุ์นั่นเอง 




กุหลาบ (Rose) เป็นดอกไม้ที่มีความงามยากที่จะมีได้ดอกอื่นใดมาเทียบเท่า จนได้รับชื่อว่าเป็น "ราชินีแห่งดอกไม้" (Queen fo Flower)  มันให้สีสรรที่สวยสด งดงาม สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น สามารถให้ความรู้สึกได้หลากหลายอารมณ์  และผู้คนจึงมักนิยมใช้มันเป็นสื่อบอกความหมายในเรื่องต่าง ๆ เช่น กุหลาบแดง..แจ้งรัก  กุหลาบเหลือง แสดงถึงมิตรภาพและความจริงใจ แต่สำหรับฉันแล้วมันเป็นดอกไม้ที่ฉันหลงใหลและชื่นชอบในตัวมัน ฉันหลงรักความงดงามของมัน


กุหลาบ..มันเหมือนสาวน้อยที่น่าทนุถนอมและต้องการการดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช้ต้นไม้ที่ใคร ๆ ก็ซื้อมาเลี้ยงได้  คุณอาจจะเถึยงไม่ "ไม่ใช่" เพราะเห็นว่าใครก็เลี้ยง ใครก็ปลูกกุหลาบได้ ไม่เห็นจะยากเย็นอะไร  แต่ใครล่ะ?? จะมีสักกี่คนที่ปลูกมันให้ออกดอกมาอย่างสมบูรณ์สดสวย คงจะมีน้อยคนนัก  เพราะมันเป็นไม้ที่อ่อนแอ และเป็นโรคง่าย แมลงศัตรูพืชต่าง ๆ มักจะมาเกาะกินมัน มันต้องการแสงแดดที่ช่วยให้สีสันของสดสวย มันต้องการดินที่ร่วนซุยระบายน้ำง่าย และต้องการน้ำพอสมควร สิ่งเหล่านี้ที่เราต้องศึกษาและทำความเข้าใจชีวิตของมัน




กล้วยไม้ (Orchid) เป็นพืชวงศ์ใหญ่ที่มีดอกสวยงาม มีความหลากหลายทั้งสีสันลวดลาย ขนาด รูปทรง และกลิ่น เรียกได้ว่าเป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง มีมากกว่า 800 สกุล พบในธรรมชาติมากกว่า 25,000 ชนิด มันเปรียบเสมือนเจ้าหญิงแสนงามจากอังกฤษ แลดูงามสง่าชวนมอง อย่างมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง และด้วยกับความสวยงามและความหลากหลายของมัน จึงทำให้กล้วยไม้เป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีการปรับปรุงสายพันธุ์โดยการผสมข้ามชนิดข้ามสกุลมากกว่า 30,000 คู่ผสม ทำให้กล้วยไม้มีความสวยงามและหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ที่เรามักคุ้นหูและเป็นยอมรับในความงามของมัน ก็คือกล้วยไม้สกุลแคทรียา




แคทลียา (Cattlelya) เป็นกล้วยไม้ที่ได้รับความนิยามปลูกเลี้ยงอย่างกว้างขว้างในหลายประเทศ เนื่องจากเป็นกล้วยไม้ที่มีดอกขนาดใหญ่และสีสวยงามที่สุด บางชนิดมีกลิ่นหอม และถือกันว่าแคทลียาเป็น "ราชินีแห่งกล้วยไม้"  และเป็นสัญญลักษณ์สากลของกล้วยไม้ทั่วไป




แคทลียาควีนสิริกิติ์ (Cattleya Queen Sirikit) เป็นกล้วยไม้ที่อยู่ในสกุลแคทลียาสีขาว กลางดอกมีสีเหลือง ช่อหนึ่งมีประมาณ 2-3 ดอก เป็นไม้ที่ออกดอกได้ตลอดทั้งปี เป็นกล้วยไม้พันธุ์ผสมระหว่าง Cattleya "Bow Bells" และ C.obrieniana var.alba  ซึ่งบริษัทกล้วยไม้เก่าแก่ของอังกฤษชือ Black & Flory เป็นผู้ผสมขึ้น และได้รับรางวัลระดับสูงจากราชสมาคมไม้ประดับแห่งอังกฤษ โดยได้ขอพระราชานุญาตตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จดทะเบียนเมื่อปี พ.ศ. 2501 ดังนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงได้พระราชทาน แคทลียา ควีนสิริกิติ์ เป็น 'ดอกไม้ประจำวันสตรีไทย'





โป๊ยเซียน (Crow of Thorns) หรือเรียกอีกชื่อว่า "มงกุฏหนาม" เนื่องจากลักษณะต้นมีหนามอยู่รอบเหมือนมงกุฏ และมีชื่อเรียกอย่างอื่นตามภูมิภาคของปรเทศ เช่น แม่ฮ่องสอน เรียกว่า ว่านมุนเมือง เชียงใหม่เรียกว่า ไม้ระวิงระไว, พระเจ้ารอบโลก หรือ ว่านเข็มพระอินทร์  แต่ที่เรียกกันเป็นที่คุ้นเคยกันมาช้านานรู้จักกันในชื่อ "โป๊ยเซียน" เป็นคำภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เทพยาดาผู้วิเศษทั้ง 8 องค์ ดังนั้น จึงมีความเชื่อกันว่าถ้าโป๊ยเซียนออกดอกครบ 8 ดอกในหนึ่งช่อ จะนำความโชคดีให้แก่ผู้ปลูกเลี้ยง จึงถือได้ว่าเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภตามความเชื่อถือแต่โบราณ 





โป๊ยเซียนจัดเป็นไม้อวบน้ำอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งเป็นวงศ์ที่ใหญ่มาก พบได้ในประเทศเขตร้อน พืชในวงศ์นี้มีมากกว่า 300 สกุล โดยต้นโป๊ยเซียนจัดอยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งพืชสกุลนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,500 ชนิด (ได้แก่ คริสต์มาส สลัดได หญ้ายา และกระบองเพชรบางชนิด)  แต่เดิมสัณนิฐานว่า มีพ่อค้าจีนนำมาปลูกเลี้ยงในเมืองไทย โดยดอกโป๊ยเซียนจะมีขนาด 1-2 ซม. เท่านั้น แต่ปัจจุบันคนไทยผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์จนมีขนาดดอกใหญ่กว่า 6 ซม. นอกจากนี้ยังมีสีสันที่สวยงามจนอาจกล่าวได้ว่า "โป๊ยเซียนไทยดีที่สุดในโลก"





ปัจจุบันดูเหมือนว่า โป๊ยเซียนจะดูตกยุคไปเสียแล้วเพราะเห็นว่า ตลาดซื้อขายดูซบเซาไม่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งขณะที่โป๊ยเซียนเป็นไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมสูงสุดนั้น ฉันก็เป็นคนที่รักและหลงความงามของดอกมันเช่นกัน มันเป็นไม้ที่ค่อนข้างเลี้ยงง่าย ไม่ต้องการการดูแลมากนัก ที่มันงดงามหลากสีสันก็เพราะฝีมือนักเล่นโป๊ยเซียนนี่เองที่ใช้วิธีการผสมพันธ์ด้วยการผสมเกสร การขยายพันธ์ก็ไม่ยุ่งยาก แค่ตัดกิ่งปักชำ มันค่อนข้างจะชอบอากาศหนาวอยู่เหมือนกัน เมื่อครั้งรับราชการอยู่ที่พะเยา เลี้ยงไว้ต้องสร้างกรงให้มันเลยล่ะ เพราะไม่งั้นถูกขโมยแน่ แป๊บเดียวล่องหนได้ บางทีเหลือแต่กระถางไว้ให้เจ้าของ พอตอนนี้หันกลับมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับต้นไม้ที่ตนเองชื่นชอบ และปลูกเลี้ยงเป็นงานอดิเรกแล้ว กลับมาค้นหารูปโป๊ยเซียนบนอินเตอร์เน็ตแล้ว ก็นึกถึงความหลัง เมื่อครั้งฉันเคยหลงรักเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้านั้น "ช่างงดงามเสียนี่กระไร" (เป็นที่น่าเสียดายที่หนังสือเกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงโป๊ยเซียน ที่มีรูปภาพแต่ละพันธุ์สีสันสดสวยหลายเล่ม รวมทั้งหนังสือเรื่องดอกกุหลาบ และไม้อื่น ๆ กองอยู่เต็มบ้าน ไม่มีที่ทางจะเก็บและเก็บไว้ก็ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อีก ก็เลยได้บริจาคไปให้แก่ "มูลนิธิกระจกเงา" เพื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อไป และที่ว่าเสียดายนั้นไม่ได้เสียดายที่ได้มอบให้เป็นบุญกุศลแก่ผู้อื่นไปแล้ว แต่เสียดายข้อมูลที่จะนำมาใช้นำเสนอแก่เพื่อน ๆ เท่านั้นเอง)





กระบองเพชร (Cactus) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลทราย ต้นกระบองเพชรสามารถยืนต้นอยู่ได้ แม้อยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดาร โดยไม่ตาย เพราะนาน ๆ ครั้งหนึ่งจะมีฝนตกจำนวนมาก โดยต้นกระบองเพชรจะเก็บน้ำไว้ในลำต้นเป็นจำนวนมาก มันจะใช้น้ำตลอดระยะเวลาแห้งแล้งที่ยาวนาน และมันจะเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำ ดังนั้น มันจึงสามารถอยู่ในทะเลทรายได้




กระบองเพชร มันเป็นต้นไม้ที่ฉันเพิ่งจะหลงรักมัน และมันเป็นคนรักคนสุดท้ายของฉัน ณ ขณะนี้ ฉันเริ่มหันมาปลูกต้นไม้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ทิ้งการปลูกมานาน เนื่องจากเหตุหลาย ๆ ประการ ที่สำคัญที่สุด ก็คือ บ้านฉันอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และฉันต้องประสบกับปัญหาน้ำท้วมทุกปี ก็เลยเลิกปลูกมันซะเลยยุงยากนัก แล้วมันก็จะตายซะหมด ขนาดคนยังก็ยังแย่เลย ของสำคัญจำเป็นต้องใช้ก็ต้องยกเทินไว้สูงกันน้ำท่วม เช่น เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เป็นต้น สมบ้ติต่าง ๆ ก็ไม่ต้องสะสมให้เป็นภาระแก่ตัว (โอ๊ย!! จะบ่นให้คุณผู้อ่านบล็อกฟังทำไมเนี่ย?? ฮีๆๆ อิอิ ไม่ว่ากันนะคะ)




ฉันเพิ่งรู้เมื่อเริ่มต้นเลี้ยงมัน โอ้ พระผู้อภิบาลของฉัน!!  มันน่าอัศจรรย์อะไรอย่างนั้น ไม้ที่โดยธรรมชาติของมันต้องอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ทนแดด ทนความแห้ง แต่มันกลับมี ดอกที่งดงามมาก ๆ  (หากมิใช่ความเมตตาจากพระองค์แล้ว ไฉนเลย? มนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย จะได้ชมดอกไม้งาม นี่แหละคือความยุติธรรมของพระองค์ที่มีต่อสรรพสิ่งถูกสร้างของพระองค์) เมื่อฉันยิ่งเสริช์หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู ก็ยิ่งพบความงดงามของมัน ไม่ว่าจะลักษณะของลำต้น ลักษณะของหนาม หรือแม้กระทั่งดอกของมัน  บางชนิดให้ดอกใหญ่โตสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ และที่สำคัญมันเลี้ยงง่ายด้วย ฉันถึงได้ตัดสินใจเลี้ยงมัน และยอมรับมันมาเป็นคนรักใหม่ของฉัน  แต่..แต่ว่า.. ตอนนี้ฉันต้องห่างไกลจากเธอ เพราะฉันรักเธอฉันจึงพาเธอไปทำงานที่ภูเก็ตด้วย  แต่ตอนนี้ฉันตัดสินใจเก็บข้าวของมากลับมาอยู่บ้านเดิมของเราดีกว่า ถึงฉันจะรักเธออย่างไร?!! แต่ฉันก็จำใจพรากจากเธอ เพราะไม่อาจนำเธอกลับมาพร้อมกันได้ และรู้ว่า เมื่อเธอไม่มีฉันคอยดูแล เธอก็คงอยู่ได้สบาย ๆ เพราะเธอนั้นอดทน และแข็งแรง  ฉันหวังว่าเพื่อนของฉันเค้าจะส่งเธอกลับมาหาฉัน แต่ฉันก็เฝ้าคอยแล้ว..คอยเล่า เค้าก็ไม่ยอมส่งเธอกลับมาซะที  เจ้าแคคตัสของฉันเอ๋ย!! ถ้าเราไม่ได้มีโอกาสพบกันอีก ฉันขอให้เธอมีความสุขและแข็งแรงอยู่กับผู้ดูแลคนใหม่ให้สบายเถอะนะจ้ะ


***ขอขอบคุณแหล่งรูปถ่ายต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ต ที่ไม่อาจอ้างอิงได้ทุกเว็บไซด์***
<< แหล่งข้อมูล : th.wikipedia.org, panmai.com, the-tan.com >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น